การซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของรถมือสอง

การซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของรถมือสอง

รถยนต์มือสอง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการมีรถยนต์ไว้ใช้งาน และให้ความคุ้มค่าในด้านราคา เมื่อ ซื้อรถยนต์มือสอง แล้ว การซื้อ ประกันภัยรถยนต์ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่ต้องเลือกให้คุ้มค่าด้วยเช่นกัน เพราะความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุนั้นอาจมีเพิ่มมากขึ้น จากการสึกหรอตามการใช้งานของรถยนต์ หลายคนคิดว่า ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 นั้นเป็นการสิ้นเปลืองสำหรับรถยนต์มือสอง ลองมาหาเหตุผลว่าทำไมต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ และ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 รถมือสอง มีเทคนิคการซื้ออย่างไร ของรถมือสองที่จะทำให้คุณได้เบี้ยที่ถูกลง

รถยนต์มือสองนั้นผ่านการใช้งานมาพอสมควรแล้ว อุปกรณ์บางอย่างมีความเสื่อมตามอายุการใช้งาน แม้ว่าจะขับรถปลอดภัยหรือตรวจเช็คสภาพรถยนต์มาอย่างดี แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ ย่อมเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นได้ แม้ว่าจะซื้อรถมือสองที่มีสภาพที่ดี แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่มากกว่ารถยนต์มือหนึ่ง อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ หากซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 รถมือสอง นั้นก็ทำให้อุ่นใจมากขึ้น เพราะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณีทั้งคนและรถ ในขณะที่ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 หรือ 3 ไม่ได้ให้ความคุ้มครองและจำเป็นต้องซื้อกรมธรรม์เพิ่มเติม โดยเฉพาะทำประกันชั้น 3 แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นจำเป็นต้องซ่อมรถเอง และรถมือสองบางรุ่นนั้นมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและอะไหล่ที่สูงอีกด้วย
การซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 รถมือสอง ให้ราคาถูกที่สุดนั้นมีหลายเทคนิค หากท่านเลือกประกันภัยรถยนต์ของท่านได้เหมาะสมที่สุด ท่านก็จะสามารถซื้อประกันในราคาที่ดีที่สุด ดังนั้นเราควรมาดูว่า ควรเลือกซื้อประกันอย่างไร

ซื้อประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ การระบุชื่อผู้ขับขี่ สำหรับการซื้อ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 เป็นอีกข้อหนึ่งที่ช่วยให้เบี้ยประกันมีราคาถูกลงได้ แต่เหมาะกับการขับขี่ไม่เกิน 2 คน โดยใช้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ขับขี่ เช่น เพศ อายุ โดยเบี้ยจะสามารถลดเบี้ยประกันภัยได้ 5-20% ตามช่วงอายุของผู้ขับขี่

การเลือกประกันภัยแผนเฉพาะ เลือกซื้อประกันภัยรถยนต์กับ บริษัทประกันภัย ที่มีนโยบายคืนเบี้ยประกันสำหรับผู้ขับขี่ปลอดภัย ที่ไม่มีการการเคลม หรือ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุระหว่างปี การเลือกประกันภัยแผนนี้ก็สามารถช่วยให้ท่านได้รับเงินคืน หรือได้รับส่วนลดเพิ่มในปีถัดไป

ตัดความคุ้มครองที่เกินความจำเป็น ตัดตัวเลือกที่อาจไม่จำเป็น เช่นการตัดความคุ้มครองที่เกินความจำเป็น เช่น การซ่อมห้าง(ศูนย์บริการ) เลือกเป็นประกันภัยที่ ซ่อมอู่ในเครือของบริษัทประกันภัย ซึ่งจะสามารถ ลดเบี้ยประกันภัยไปได้ 2,000-5,000 บาท และ การลดวงเงินความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุส่วนตัวและค่ารักษาพยาบาล เพื่อเป็นการลดทุนประกันลงอีกทางหนึ่งอีกด้วย

การซื้อประกันมีค่าเสียหายส่วนแรก การซื้อประกันภัยแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ค่าเสียหายส่วนแรก หรืออาจเรียกง่ายๆ ว่า ค่าเสียหายร่วม ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผู้ซื้อประภัยยอมให้ทางบริษัทประกันเรียกเก็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุและเกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของเรา ดังนั้นหากคุณเป็นผู้ที่ขับขี่ที่มีประสบการณ์ และใช้รถยนต์อย่างปลอดภัย จึงไม่ต้องกังวลกับเงื่อนไขนี้ การยอมจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเมื่อเกิดอุบัติเหตุเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้ โดยจะสามารถประหยัดได้ 1,000-5,000 บาท

ไม่ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติม ไม่ซื้อความคุ้มครองเพิ่มสำหรับอุปกรณ์ตกแต่งของรถยนต์ การซื้อรถยนต์มือสองบางครั้งตัวรถยนต์อาจมีการตกแต่งเพิ่มจากเจ้าของเดิม เช่น เครื่องเสียง ชุดตกแต่ง ล้อแม็กซ์ที่มีราคาแพง ซึ่งหากท่านเพิ่มความคุ้มครองส่วนนี้เพิ่มเติมเข้าไป อาจทำให้เบี้ยประกันภัยปรับเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกไม่คุ้มครองส่วนตกแต่งรถยนต์เหล่านี้จะช่วยให้คุณประหยัดเบี้ยประกันลงได้อีก

ติดกล้องรถยนต์ ได้ลดค่าเบี้ยลงอีกสูงสุด 10% แถมยังช่วยเป็นหลักฐานให้เราหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้อีกด้วย แถมสมัยนี้ราคาของกล้องติดรถยนต์ก็ไม่แพงอีกด้วย

ซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ซื้อประกันภัยรถยนต์ออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซต์ของตัวแทน นายหน้า ที่เป็นระดับโบรกเกอร์หรือผู้ค้าส่งรายใหญ่ เพราะเว็บไซต์เหล่านี้เป็นนายหน้าที่ซื้อ-ขายประกันภัยเป็นจำนวนมาก มีประสบการณ์และมีประวัติการให้บริการที่ดี ดังนั้นส่วนลดที่ได้รับจากบริษัทประกันภัยย่อมสูงกว่า ราคาถูกกว่าซื้อตรงกับบริษัทประกันภัย หรือ ผู้ขายรายย่อย อย่างแน่นอน อีกทั้งปัจจุบันการเลือกซื้อ ประกันภัยรถยนต์ ออนไลน์ ก็นับว่าเป็นทางเลือกสะดวกและรวดเร็ว ทั้งนี้เรายังสามารถประเมินราคาเบี้ยประกันเพื่อหาข้อมูลหรือความคุ้มครองที่จะได้รับได้ทันทีอีกด้ว

ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการเฝ้าระวังภัยพิบัติธรรมชาติ

ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการเฝ้าระวังภัยพิบัติธรรมชาติ


ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีภาวะเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาภัยพิบัติธรรมชาติโดยมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก จากการศึกษาของบริษัทเมเปิลครอฟท์ บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงในอังกฤษ เปิดเผยรายงานดัชนีประเทศเสี่ยงภัยจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จาก 170 ประเทศทั่วโลก ปรากฏว่าประเทศไทยติดอันดับที่ 14 ประเทศฟิลิปปินส์ติดอันดับที่ 6 ประเทศเมียนมาร์อันดับที่10 ประเทศกัมพูชาอันดับที่12 ประเทศเวียดนามอันดับที่13

ภัยพิบัติต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นมีความบ่อยครั้งและรุนแรงยิ่งขึ้น ในอดีตปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ  จนกระทั่งคนในท้องถิ่นซึ่งอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ สามารถเรียนรู้ ปรับตัวกลมกลืนธรรมชาติและพยากรณ์การเกิดภัยพิบัติจากการสังเกตระบบเตือนภัยตามธรรมชาติได้ ตัวอย่างเช่นเมื่อเกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้นมักจะมีสัญญาญเตือนล่วงหน้า เช่น ลักษณะของเมฆบนท้องฟ้า พายุหิมะ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสัตว์ที่แตกต่างไปจากปกติ ด้วยเหตุนี้คนในท้องถิ่นจึงสามารถเตรียมการป้องกันและมาตรการบรรเทาผลกระทบได้อย่างทันท่วงที เหตุการณ์เหล่านี้จึงเป็น ‘ความรุนแรงตามธรรมชาติ’ ที่คร่าชีวิตของมนุษย์และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินไม่รุนแรงมากนัก

ปัจจุบันปรากฎการณ์เหล่านี้กลับเป็น ภัยพิบัติ ทั้งภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว  สึนามิ และภัยพิบัติที่มีสาเหตุจากมนุษย์เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง ความอดอยาก  ภูมิปัญญาในการลดความเสี่ยง การเตรียมตนเองและเตรียมชุมชนให้มีความพร้อมที่จะเผชิญภัยพิบัติโดยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด หรือสามารถอยู่ร่วมกับภัยพิบัติได้อย่างสงบสุข ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่พึ่งพาเพียงแต่เทคโนโลยีในการเตือนภัยพิบัติ ภูมิปัญญาที่สั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษถูกลืมเลือนไป มนุษย์จึงเอาตัวรอดจากภัยพิบัติได้น้อยลงและปรับตัวเข้าการเปลี่ยนแปลงได้ยากขึ้น

หลายครั้งที่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็ไม่อาจที่จะลดความเสี่ยงและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กรณีเฮอร์ริเคนแคทรีนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2548 และอุทกภัยในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2554 ทั้งสองกรณีถึงแม้จะมีเทคโนโลยีการเตือนภัยพิบัติที่ทันสมัย แต่การสื่อสารเรื่องภัยพิบัติที่ไม่ชัดเจนและการประเมินความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่ผิดพลาด ทำให้เกิดหายนะภัยครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของประเทศทั้งสอง รวมทั้งแผ่นดินไหวและสึนามิยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถพยากรณ์การเกิดขึ้นล่วงหน้าได้  เช่น แผ่นดินไหวนอกชายฝั่งแปซิฟิกโทโฮะกุและคลื่นสีนามิในประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2554 การเตือนภัยทำได้หลังจากที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้ว

ดังนั้นอาเซียนควรส่งเสริมการศึกษา ทำความข้าใจ เคารพและยอมรับภูมิปัญญาท้องถิ่นในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง บรรเทา หลีกเลี่ยง ป้องกันหรือจำกัดความเสียหายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภัยพิบัติต่างๆ ทั้งนี้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจัดเป็นพื้นฐานของความรู้สมัยใหม่ที่มีอยู่ทั่วไปในสังคม  หากมีการสืบค้นหาเพื่อศึกษา นำมาใช้ก็จะเป็นที่รู้จัก เกิดการถ่ายทอดและสร้างองค์ความรู้เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติธรรมชาติของชุมชน ที่มีผลสัมฤทธิ์และเผยแพร่ให้ท้องถิ่น ชุมชน นำไปปฏิบัติ รวมทั้งเป็นบทเรียนให้แก่นักปฎิบัติและผู้กำหนดนโยบายในการพิจารณาความรู้ของชุมชนท้องถิ่นและปฏิบัติการณ์เพื่อบูรณาการแหล่งความรู้ที่มีคุณค่านี้ในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  อันจะสัมพันธ์กับการทำงานเพื่อหนุนเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการส่งเสริมการจัดการภัยพิบัติโดยชุมชนมีส่วนร่วมและยุทธศาสตร์การปรับตัวเข้ากับภาวะการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก

ในการที่จะสร้างบ้านต้องพิจารณาเลือกบริษัท รับสร้างบ้าน ให้ดี

การพิจารณาเลือก บริษัทรับสร้างบ้าน ให้ดีก่อนการตัดสินใจรับบริการนั้น ควรเริ่มจากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของบริษัทรับสร้างบ้านเรือน การนำเสนอผลงาน เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างบริษัทรับสร้างบ้านเรือนที่คุณชื่นชอบ ภาพลักษณ์ขององค์กรบริษัทรับสร้างที่อาศัยจะต้องมีความมั่นคง เป็นมืออาชีพ การดำเนินงานเป็นขั้นตอน การมีแบบบ้านให้เลือกอย่างหลากหลาย ระดับราคาการให้บริการรับสร้างบ้าน ที่เป็นมาตรฐาน ผลงานที่ผ่านมาของบริษัทรับสร้างบ้าน เพื่อพิจารณาหาข้อตกลงที่คุณพึงพอใจที่สุด รูปแบบที่อยู่อาศัยที่คุณต้องการ ควรคำนึงถึงขนาดและงบประมาณที่ต้องสูญเสียไปเป็นสำคัญ โดยบริษัทรับสร้างบ้านจะต้องสอบถามข้อมูลจำนวนสมาชิกภายในครอบครัว เพื่อที่จะสามารถกำหนดและจัดวางตำแหน่งห้องต่างๆ ภายในบ้านช่องได้อย่างมีประโยชน์ครบถ้วน สามารถออกแบบพื้นที่ที่คุณมีทั้งหมดเพื่อการใช้สอยอย่างคุ้มค่ามากที่สุด การพูดคุยเกี่ยวกับแผนงานก่อสร้างของ บริษัทรับสร้างบ้าน จะต้องสอบถามถึงระยะเวลาในการเริ่มต้นและเสร็จสิ้นที่แน่นอน สอบถามเงื่อนไขพิเศษในกรณีต่างๆ อย่างครอบคลุม เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจหรือนำมารวบรวมไว้ในสัญญาจ้างของ รับสร้างบ้าน ที่สำคัญก่อนที่คุณจะดำเนินการเซ็นสัญญาว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านจะต้องตรวจสอบใบอนุญาติการก่อสร้าง และใบอนุญาติการดำเนินธุรกิจบริษัทรับสร้างบ้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำรวจราคาวัสดุก่อสร้างที่บริษัทรับสร้างบ้านพักอาศัยเลือกใช้ว่ามีความมาตรฐานตามราคากลางหรือราคาตลาดหรือไม่ เพื่อลดอัตราเสี่ยงในการถูกโกงราคาวัสดุก่อสร้าง ในขั้นตอนสุดท้ายเมื่อมีการปลูกสร้างบ้านเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วจะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการแก้ไขที่ยุ่งยากภายหลัง

วิธีการตรวจสอบงานของ บริษัทรับสร้างบ้าน

ในงานก่อสร้างบ้านของบริษัท รับสร้างบ้าน นั้นเมื่อได้เริ่มลงมือปฏิบัติงานแล้ว เจ้าของบ้านจำเป็นที่จะต้องหมั่นตรวจสอบการทำงานของบริษัทรับสร้างบ้านอยู่เสมอ ว่าบริษัทรับสร้างบ้านนั้นสามารถ ดำเนินการอย่างเรียบร้อยมีมาตรฐาน และใช้วัสดุก่อสร้างบ้านตามที่ได้ตกลงไว้ในสัญญาอย่างถูกต้อง หากเจ้าของบ้านไม่ได้ตรวจสอบการทำงานของบริษัท รับสร้างบ้าน ดังกล่าว เจ้าของบ้านจะไม่สามารถทราบความเป็นไปในการทำงานและโครงสร้างภายใน รวมทั้งวัสดุต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างบ้านเลย ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง หากไม่รอบคอบ เทคนิคในการตรวจสอบงานของบริษัทรับสร้างบ้าน อาจเริ่มต้นจากการตรวจสอบการวางผังตำแหน่ง ก่อนการตอกเสาเข็มเริ่มทำฐาน ตรวจสอบจำนวนเสาเข็มให้ครบตามจำนวนที่ได้ระบุไว้ในแบบบ้าน ตรวจสอบการทำฐานราก งานคอนกรีต งานเหล็กที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงในกับตัวบ้านบริษัท รับสร้างบ้าน จะต้องเลือกใช้วัสดุเหล็กที่มีความเป็นมาตรฐาน ไม่ผุกร่อนหรือเป็นสนิมได้ง่าย การดำเนินการติดตั้งวงกบและบานหน้าต่าง งานปูพื้นผิว การทาสีบ้านในแต่ละห้อง รวมทั้งงานติดตั้งระบบน้ำและไฟฟ้าอย่างได้มาตรฐานอีกด้วย ถึงแม้ว่าในการทำงานของบริษัท รับสร้างบ้าน จะมีช่างควบคุม การก่อสร้างคอยดำเนินงานให้เป็นไปตามระยะเวลาสัญญาที่กำหนดไว้ แต่ก็อาจจะทำการดูแลได้อย่างไม่ทั่วถึง ไม่มีความเป็นมาตรฐาน ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาทคุณควรเข้าตรวจสอบการทำงานเป็นระยะ ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรืออาจไปดูแลการก่อสร้างของบริษัทรับสร้างบ้านด้วยตัวเองอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ได้บ้านที่พึงพอใจและคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไป